อย่าให้ทริปแห่งความสนุกพัง เพราะปัญหาการนอน

มีผู้คนอยู่จำนวนไม่น้อย ที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการ ไม่อาจสัมผัสสถานที่หลายแห่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยวหรือที่กิน อันสถานที่เหล่านั้นต้องมีจุดพีคอยู่ในช่วงเวลาเช้า ซึ่งตื่นนอนไม่ทัน หรือตื่นมาสภาพงัวเงีย อ่อนโรย สัมผัสสุขกับความสุขของแหล่งนั้นๆได้อย่างไม่เต็มที่

การวางแผนปรับเวลานอนไว้ล่วงหน้าสักสัปดาห์หรือ อย่างน้อย3-4วัน เป็นหนทางที่ควรทำที่สุดสำหรับกรณีนี้ หรือโดยเฉพาะกรณีของการเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศที่เขตุเวลาต่างกัน

และไม่ว่าจะเที่ยวในไทยหรือในต่างแดน การทุ่มทุนหาช่วงเวลาวันหยุด การจองทั้งตั๋วทั้งค่าเดินทางและค่าที่พักต่างๆ สิ่งเหล่านั้นควรจะต้องคุ้มค่าด้วย สภาพของผู้ท่องเที่ยวที่เบิกบานแจ่มใส

มิใช่พกสภาพสังขาร กรอบอิดโรยไป หรือต้องไปใช้เวลาไปกับการนอนหลับในช่วงที่ผู้คนกำลังสนุกสนานแจ่มใส

ลองเตรียมการปรับเวลานอนให้ได้ล่วงหน้าก่อนการเดินทาง โดยวิธีที่เราขอแนะนำนั้นมีดังต่อไปนี้
1.คืนแรก อย่าฝืนเอาตัวเองเข้านอนเร็วกว่าเวลาเดิมที่คุ้นเคยมาเป็นอันขาด เพราะการที่คุณเอาตัวเองไปนอนเร็วเกินไปทั้งที่ร่างกายยังไม่ปรับตัว นั่นอาจจะทำให้หงุดหงิดงุ่นง่าน นอนไม่หลับ
และส่งผลต่อความเครียดของจิตใจนำพา ความวิตกกังวล ส่งต่อไปถึงการลุกลามของโรคนอนไม่หลับในวันต่อๆไปได้ ดังนั้นจึงควรนอนตามเวลาปกติก่อน หรือหากจะให้ดีขึ้นอาจจะนอนเร็วขึ้นเล็กน้อยได้ เช่น เร็วขึ้นไม่เกิน1-2ชั่วโมง

2.เมื่อคืนแรกผ่านพ้น สิ่งสำคัญที่ต้องทำนั่นก็คือตื่นให้เร็วกว่าปกติ ต้องยอมรับสภาพนอนน้อย
เช่นเคยตื่น บ่ายโมงอาจจะตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ที่เวลาที่ต้องการปรับใหม่
เพื่อให้ร่างกายเริ่มรับรู้เวลาที่ต้องการตื่น และต้องอดทนกับอาการง่วงนอน ซึ่งในวันนี้คุณจะต้องเลือกวันสำหรับการฝึกนี้ให้ดีๆหลีกเลี่ยงการขับรถหรือการทำกิจกรรมใดๆที่สุ่มเสี่ยงต่ออันตรายจากการพร่องสติ ให้หมดทุกอย่าง ทำกิจกรรมทั่วไปที่ไม่สุ่มเสี่ยง แต่อย่าเผลอหลับ
เพราะหากเผลอหลับคุณอาจไม่สามารถหลับได้เร็วขึ้นในคืนนี้ อันเนื่องจากร่างกายได้แอบหลับไปแล้ว

นอกจากนี้ไม่ควรใช้วิธีอดนอนชนิดทีไม่นอนเลย จงจำไว้ว่าอย่างน้อยนอนให้ได้3-4ชั่วโมง
นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ร่างกายหลับเร็วขึ้นในคืนต่อไปแล้ว

ที่ไม่ควรใช้วิธีอดนอนนั่นก็เพราะ ร่างกายจะถูกสภาวะหักโหมมากเกินไป อันนำมาซึ่งผลเสียต่อร่างกายหลายด้าน

การจะใช้เวลากี่วันในการปรับเวลานอนนั้นขึ้นอยู่กับ รูปแบบของเวลาตื่นเดิมที่ห่างจากเวลาตื่นใหม่เท่าใด

เพราะต้องค่อยๆขยับไปทีละเสต๊ป หากคุณกระทำกระบวนการนี้ไป1ครั้งแล้ว ยังไม่สามารถขยับมาที่เวลาตื่นที่ต้องการได้ ก็ให้ใจเย็นๆ อย่าพึ่งทำกระบวนการนี้ซ้ำ ซึ่งคืนต่อไปคุณควรให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อน ให้ร่างกายฟื้นฟูสภาพ สักวันสองวัน จากนั้นเริ่มวิธีนี้ต่อไปอีกครั้ง
ทำวนไปเรื่อยๆจนกว่าจะขยับเวลาตื่นมาได้ในเวลาที่ต้องการ
ซึ่งเส้นชัยคือ ต้องสามารถตื่นในเวลาที่ต้องการได้โดยต้องมีสภาพที่หลับอิ่มเพียงพอ ไม่น้อยกว่า 7ชั่วโมง
และไม่ควรใช้วิธีหักดิบนอนน้อย ติดต่อกันเป็นอันขาด
เพื่อป้องกันสภาวะร่างกายแปรปรวน

ซึ่งบางครั้งที่คนเราฝืนตัวเองมากๆจะมีอยู่จุดนึงที่เข้ามาทำให้เราหลงผิดคิดว่าตนเองไหว แต่แท้ที่จริงร่างกายได้เปิดก๊อกกระตุ้นออกมา คล้ายกับเวลาที่คนง่วงนอนมากๆแล้วฝืนตัวเอง สักพักจะอยู่ในสภาวะที่ตาแจ้งคล้ายได้รับสารโด๊ปขึ้นมา แต่ภาวะนี้ล่ะคือสัญญาณอันตราย

เพราะการที่ทำให้ร่างกายเกิดสภาวะกระตุ้นตัวเองขึ้นมานี้ มีแนวโน้มสูงที่คุณจะต้องชดใช้พลังงานนี้ หลังจากมันหมดลงด้วยความทรุดโทรม แปรปรวนของร่างกายอย่างรุนแรงหลังจากนั้น

ไปๆมาๆจะได้ร่างกายที่เป็นไข้เป็นหวัด วิงเวียนหรือเป็นภูมิแพ้ง่าย ในการไปท่องเที่ยวเสียอีก
ดังนั้นเรื่องสำคัญก็คือควรคำนวนระยะเวลาในการเตรียมตัวปรับสภาพร่างกายเอาไว้ล่วงหน้าก่อนถึงวันกำหนด ให้มีระยะเวลาเตรียมตัวที่เพียงพอ